Apply news

data/2023/10/12/Government News _1_76ab8199-2e9f-4b9c-b40f-394f50054aa6.txt

@@ -0,0 +1,19 @@
+รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-Thailand – Malaysia to work closely together in reinforcing ASEAN and promoting regional peace and prosperity
+
+
+วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม 2566
+12/10/2566
+พิมพ์
+Thailand – Malaysia to work closely together in reinforcing ASEAN and promoting regional peace and prosperity
+Thailand – Malaysia to work closely together in reinforcing ASEAN
+and promoting regional peace and prosperity
+October 11, 2023, at 1530hrs (Malaysia local time), at the Government House of Malaysia in Putra Jaya, Prime Minister and Minister of Finance Srettha Thavisin met with H.E. Dato’ Seri Anwar Ibrahim on occasion of his official visit to Malaysia. Government Spokesperson Chai Wacharonke disclosed gist of the meeting as follows:
+According to the Prime Minister, his official visit to Malaysia underscored Thailand’s commitment to advance potentiality and cooperation between the two countries on the basis of peace and prosperity of the people of both countries. He also extended his invitation to the Malaysian counterpart to visit Thailand at the first convenient opportunity, and expressed hope to increase cooperation with Malaysia in food security and agro products, especially Halal food.
+Both leaders also agreed on the setup of task force groups in the areas of mutual interest, e.g., tourism, to promote tangible cooperation.
+The Thai and Malaysian Prime Ministers discussed other issues of mutual interest:
+Thailand and Malaysia agreed to reinforce economic relations and cooperation, and to set a new target for bilateral trade. As the two countries are each other’s top trade partner in ASEAN, promoting ease of doing business and border connectivity are instrumental. The Prime Minister hoped to increase cooperation in digital economy and green economy, value chain and ecosystem linkages for hi-tech sectors, EVs investment, and to promote foreign investment (FDI).
+Additionally, the Thai Prime Minister wanted to see transformation of Thailand’s Southern border provinces and the North of Malaysia as the new area of growth for mutual benefit. Thailand would also like to expedite key infrastructure connectivity projects to better facilitate transport and logistics, and border crossing of people of the two countries. This is in a bid to increase the number of tourists between each other and promote border tourism, as well as to strengthen ties between local businesses, and turn conflicting area into trading area.
+The Prime Minister also underscored Thailand – Malaysia strategic partnership. The Thai Government under his leadership stands ready to work closely together with Malaysia in reinforcing ASEAN and promoting regional peace and prosperity.
+After the meeting, the Thai and Malaysian Prime Ministers held a joint press briefing before attending a gala dinner hosted by the Malaysian Prime Minister in honor of the Thai counterpart.
+
+ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/73275

data/2023/10/12/ข่าวคณะโฆษก_1_edfa195b-0c73-4d86-8677-e6bbafc19d0e.txt

@@ -0,0 +1,20 @@
+รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์และตอบคำถามสื่อมวลชนภายหลังการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ย้ำการเดินทางครั้งนี้ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย 
+
+
+วันพุธที่ 11 ตุลาคม 2566
+11/10/2566
+พิมพ์
+นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์และตอบคำถามสื่อมวลชนภายหลังการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ย้ำการเดินทางครั้งนี้ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย
+นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์และตอบคำถามสื่อมวลชนภายหลังการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ย้ำการเดินทางครั้งนี้ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย
+วันนี้ (11 ตุลาคม 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้สัมภาษณ์และตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับการเดินทางมาเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ โดยนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสาระสำคัญ ดังนี้
+นายกรัฐมนตรีเล่าถึงการเข้าเฝ้าฯ สุลต่าน อับดุลละฮ์ เรียยาตุดดิน อัล-มุซตาฟา บิลละฮ์ ชะฮ์ อิบนี อัล-มาร์ฮุม สุลต่าน ฮาจี อะฮ์มัด ชะฮ์ อัล-มุซตาอิน บิลละฮ์ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย พระองค์ที่ 16 ในวันนี้เวลา 14.00 น. (เวลาท้องถิ่นมาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชม.)
+สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียโดยได้ทรงฝากความระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีโดยเฉพาะในระดับราชวงศ์ ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีทรงให้ความสนพระทัยในเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่า พร้อมฝากถึงประเด็นในการล่าสัตว์ข้ามเข้ามาในเขตชายแดนไทยมาเลเซีย ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับจะไปกำชับและกำกับเรื่องนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
+นอกจากนี้สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียยังทรงมีความสนพระทัยในเรื่องฟุตบอลเป็นพิเศษ โดยในปีค.ศ. 2034 จะมีการแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังจะเสนอตัว
+ต่อจากนั้น ได้กล่าวถึงการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกิดประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในประเด็นการท่องเที่ยว ไทยมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากมาเลเซียจำนวนมาก โดยผู้นำทั้งสองเห็นตรงกันว่าหากไทยและมาเลเซียมีความร่วมมือกันจะเอื้อประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย และมีพัฒนาการท่องเที่ยวดีขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาในด้านการท่องเที่ยวร่วมกันด้วย
+นอกจากนี้ยังได้หารือเกี่ยวกับประเด็นด้านการค้าชายแดน ซึ่งผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะให้ปรับปรุงและอำนวยความสะดวกเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนของทั้งสองฝ่าย เช่น การสร้างสะพานสุไหงโกลกแห่งที่สอง ซึ่งเชื่อว่าจะเสร็จสิ้นโดยเร็วนี้ พร้อมจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในประเด็นนี้ทั้งสองฝ่ายก็จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเช่นกัน
+โดย นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิดปรับพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซีย เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ โดยแนวคิดนี้ไม่เจาะจงเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้น แต่จะเปลี่ยนหลายๆพื้นที่ให้เป็นสนามการค้า โดยเป็นการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างกัน เช่น สะพานสุไหงโกลก 2 และการก่อสร้างขยายด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาการค้าชายแดน รวมทั้งพัฒนาพื้นที่ให้เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งสร้างงาน โดยทางการมาเลเซีย ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องมีการประสานงานในเชิงลึกทุกภาคส่วน
+ประเด็นที่สาม ที่ได้มีการหารือกันคือเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งทางมาเลเซียมีความชำนาญในการออก certification อาหารฮาลาล โดยทั้งสองฝ่ายพูดคุยหาความร่ววมือระหว่างมาเลเซียกับเอกชนไทย ตั้งโรงงานผลิตอาหารในไทยและให้มาเลเซียออก certification ให้ รวมถึงประเด็น food tech ที่เชิญชวนให้เข้ามาร่วมมือกัน
+โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย โดยการทำงานมีเป้าหมายชัดเจน มีแผนงานที่ชัดเจน และมีการตั้งคณะทำงานให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือน
+นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในส่วนของการช่วยเหลือคนไทยจากเหตุความรุนแรงในตะวันออกกลางนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า จากการหารือกับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นพูดคุยเนื่องจากมีความเป็นห่วงคนไทยในพื้นที่เหตุความรุนแรงในตะวันออกกลาง จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือ เนื่องจากมาเลเซียมีความสัมพันธ์ที่ดี อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องของความมั่นคง และมีความละเอียดอ่อน จึงไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ประสานกับประเทศอื่นๆ ให้ช่วยเหลือคนไทย ที่อยู่ในพื้นที่ด้วย
+
+ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/73249

data/2023/10/12/ข่าวคณะโฆษก_2_0566322e-9180-46e0-bec4-379adcce13d7.txt

@@ -0,0 +1,14 @@
+รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ สั่งด่วนอพยพคนไทยกลับประเทศ  
+
+
+วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม 2566
+11/10/2566
+พิมพ์
+นายกฯ สั่งด่วนอพยพคนไทยกลับประเทศ
+โฆษกรัฐบาลแถลงด่วน นายกฯ สั่งการด่วน เร่งระดมเครื่องบินให้เพียงพอกับการดูแลช่วยเหลือคนไทย ทั้งกว่า 5 พันคน ย้ำต้องมีแผนชัดเจนในวันพรุ่งนี้
+วันนี้ (11 ตุลาคม 2566) นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่ประเทศมาเลเซีย สั่งการด่วนข้ามประเทศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดแผนดูแลคนไทยที่ต้องการกลับประเทศไทยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางเร็วที่สุด
+โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ท่านนายกรัฐมนตรีให้แจ้งแก่พี่น้องชาวไทยว่า ท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคม เร่งเจรจากับการบินไทย สายการบินแอร์เอเชีย และสายการบินพาณิชย์อื่นๆ เป็นการด่วน เพื่อเร่งระดมจัดส่งเครื่องบินจำนวนมากที่สุดให้พอเพียงกับการไปรับคนไทยทุกคนทั้งห้าพันกว่าคนที่ต้องการเดินทางออกจากบริเวณเหตุการณ์ความไม่สงบ ตะวันออกกลาง กลับสู่มาตุภูมิโดยเร็วที่สุด
+ท่านนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า นาทีนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันพุ่งเป้าไปที่การพาคนไทยกลับบ้านให้เร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุด แผนการจัดหาเครื่องบินเพิ่มจะต้องมีความชัดเจนภายในวันพรุ่งนี้ และกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งจัดทำแผนในการดูแลช่วยเหลือและเยียวยาคนไทยที่ยังติดอยู่ที่อิสราเอลและคนไทยที่เดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดแล้วอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
+“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนทุกคนที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ รวมทั้งคนไทยที่ประสบกับความไม่สบายใจเป็นห่วงบุคคลอันเป็นที่รัก นายกรัฐมนตรีต้องการดูแลคนไทยให้ดีที่สุด และสั่งการตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยต้องการให้มีแผนรองรับประชาชนทุคนอย่างชัดเจนโดยเร็วที่สุด” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว
+
+ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/73250